*ก็จะเป็นบทสั้นๆนิดนึง
ตอนที่11 : พายุตั้งเค้า
เสียงคึกคักๆดังเป็นจังหวะ เงียบๆหายหาย
เสียงกึกกักๆดังเป็นระยะๆ มาจากผนังห้องทิศตะวันออกของห้องรุ่นน้อง
เจ้าของห้องคนนึงนั่งเอามือปิดปาก อมยิ้มหัวเราะคิกคักๆ ส่วนอีกคนประสาทเสียจนทนอยู่แทบไม่ได้
ต้องควานหาสายหูฟังขึ้นมาเสียบหูเค้าไว้และยกหมอนขึ้นปิดหน้า
เด็กแก้มบวมกัดฟันกรอดขยำหมอนสีขาวในมือเค้าอย่างรุนแรง แบบนี้มันเกินไปแล้ว
หยามกันเกินไปแล้ว เพิ่งคบกันได้ไม่กี่วันเอง
ก็ร่วมหัวลงเตียงกันแล้ว
“โว้ย!!” เสียงคนทนไม่ไหว
ว๊ากออกมา เด็กน้อยแก้มบวมเด้งตัวลุกขึ้นมาจากเตียง
เค้าเขวี้ยงหมอนสีขาวในมือไปที่กำแพงห้องทิศตะวันออก
ซึ่งเป็นทิศทางเดียวกับเตียงของอีจุนโฮเพื่อนร่วมห้อง
“ย๊า!! นายปาใส่หัวฉันทำไม!!” อีจุนโฮโพลงออกมาเสียงเขียว มืออวบหยิบหมอนสีขาวของรุ่นพี่อูฮยองโยนกลับไปที่เตียงเจ้าของมัน
“ฮึ่ม!!” จางอูยองหน้าหงิกงองุ้ม
หันมองจ้องหน้าตาขวางใส่รุ่นน้องเตียงข้างๆ
ก่อนจะกระแทกเท้าปึงปังเดินออกจากห้องนอน
“ก็แบบนี้แหละน้า...คนไม่สำคัญ” เด็กตาตี่เปรยกระหยิ่มยิ้มหย่องคนเดียว
แต่ในใจลึกๆของเค้าก็ไม่อยากเห็นอูฮยองเสียใจ เพราะสักวันนึงเค้าอาจจะต้องชะตาเดียวกันกับรุ่นพี่อูฮยองก็ได้
น้องหมียักษ์ที่วันๆเอาแต่สนใจหนังสือเรียน
กับงานอดิเรกคืออ่านหนังสือภาษาญี่ปุ่นเล่มนั้น
สร้างความเจ็บปวดให้หัวใจอิจุนโฮยิ่งหนัก ‘มันมีอะไรดีเหรอไอ้หนังสือเล่มนั้น!!.’ จุนโฮเข็ดเขี้ยวเคี้ยวฟันตัวเอง
เสียงเอี๊ยดอ๊าดๆ เรียกความสนใจให้รุ่นพี่มินจุนฮยองต้องฉงน เค้าได้ยินเสียงประหลาดดังทะลุผ่านเฮดโฟนของเค้าขณะกำลังแต่งโน๊ตคีย์เพลงที่จะใช้สอบ มินจุนยกมือขึ้นเลื่อนที่ครอบหูออกข้างนึง เจ้าตัวถึงกับขมวดคิ้ว ดูเหมือนว่าเพื่อนข้างห้องของเค้ากำลังทำกิจกรรมเข้าจังหวะอะไรสักอย่างในห้องซึ่งมันรบกวนการทำงานของเค้าเสียเหลือเกิน
มินจุนเดินเฉิบๆมาที่ประตูห้องนอน เค้าตั้งใจว่าจะไปขัดกิจกรรมของเพื่อนข้างห้อง แต่ก็ต้องชะงักเมื่อเปิดประตูออกมาเจอใบหน้าหงิกๆของเด็กน้อยที่เค้าหลงรัก ท่าทางของเด็กหนุ่มแสดงชัดว่ากำลังจมดิ่งกับความทุกข์ทรมาน นั่นทำให้มินจุนลืมเรื่องที่ตั้งใจออกมาทำ จางอูยองคว้าเสื้อโค้ทตัวยาวออกมาจากห้องพร้อมกระเป๋าเงินสีดำ ดูจากรูปการณ์มินจุนฮยองคิดว่าน้องแก้มบวมคงจะออกไปเปลี่ยนบรรยากาศแน่ๆ เค้าหันหลังหลับเข้าห้องคว้าเสื้อฮูดแขนยาวที่พาดไว้ที่เก้าอี้ กับหมวกสีดำ และกระเป๋าเป้ของต้น วิ่งตามเด็กน้อยออกไป
ไม่นานนักประตูห้องต้นเสียงก็เปิดผัวะออกมา พร้อมกับเสียงบ่นอุบงึมงัมๆ เจ้าของห้องเดินหน้าหงิกออกมาอีกคน แทคยอนเดินสะบัดแข้งสะบัดขา ฟาดงวงฟาดงาออกมานั่งที่โซฝายาวข้างนอก หมีชานเงยหน้าขึ้นสบตารุ่นพี่ร่างยักษ์ของเค้า เค้าชะเง้อหน้าไปที่ประตูห้องนอนเจ้าปัญหา
“มองหาอะไรน่ะชาน” พี่แมวยักษ์เอี้ยวคอตามสายตาน้องไปที่ประตูห้องนอนของเค้า
“ออกมาคนเดียวรึครับ..แล้วคุณฮยองล่ะครับ” หมียักษ์ถามไถ่
“ทำไมต้องออกมา2คนล่ะ ไม่ได้ตัวติดกันสักหน่อย” พี่แมวยักษ์ตอบ เค้าขยับตัวกระดุ๊กกระดิ๊กหามุมให้ตัวเองนอนบนโซฟาตัวเล็กได้ เพราะโซฟาตัวยาว มีหมีชานนอนเหยียดยาวอยู่
“ทำไมออกมานอนข้างนอกล่ะครับ...เตียงข้างในก็มี” หมีชานถามหน้าตาย เค้าขยับนิ้วพลิกหน้ากระดาษหนังสือตามไปด้วยขณะสนทนา
“เตียงน่ะมี...แต่นอนไม่ได้!!” พี่แมวยักษเบะหน้า ซุกหัวลงกับผนักวางแขนโซฟา
“หึ หึ” หมีชานหัวเราะเบาๆ เค้ายิ้มแล้วส่ายหัวไปมา
“หัวเราะอะไรของนายกัน...ไม่ใช่เรื่องขำสักนิด ...ให้ตายสิทำไมต้องรักความสะอาดขนาดนั้นด้วยก็ไม่รู้ เดี๋ยวก็กวาดห้อง เดี๋ยวก็ถูพื้น เดี๋ยวก็ย้ายนู่นย้ายนี่ จัดนู่นจัดนี่...เสียงดังเป็นบ้าเลย..คนจะนอนก็นอนไม่ได้..แถมยังบ่นแว๊ดๆอย่างกับคนแก่วัยทอง ..ไม่รู้อะไรนักหนา..นายอยู่ข้างนอกไม่ได้ยินเสียงเหรอ ฮยองว่าเสียงมันดังทะลุกำแพงแน่ๆ” รุ่นพี่ตัวโตเด้งตัวขึ้นมานั่ง บ่นแว๊ดๆออกมาอย่างเหลืออด
“หืม...พวกฮยองไม่ได้กำลังทำอะไรกันอยู่เหรอ” หมีชานเลิกคิ้ว2ข้างขึ้น แปลกใจกับคำตอบที่เหนือความคาดหมาย
“ทำอะไรที่ว่าหมายถึงอะไร” คนฟังถึงกับงง
“ก็แบบที่ฮยองทำกันที่โรงพยาบาลวันนี้ไง...พวกผมเข้าใจว่าพวกฮยองกลับมาต่อยกแรกกันให้จบซะอีก” หมีชานตอบกลับตามสิ่งที่เค้าคิดและเห็นท่าที่ของเพื่อนร่วมบ้านที่เพิ่งจะกระฟัดกระเฟียดออกไป ทั้งที่คืนนี้อากาศวิปริตผิดเพี้ยน หนาวจนแทบจะเป็นน้ำแข็ง
“บ้าไปแล้ว!!..ต่งต่ออะไรกันล่ะ ไม่มีสักยกนั่นแหละ ว่าแต่ตะกี้นายพูดว่า พวกเราหมายความว่าไง มีนายนั่งอยู่ตรงนี้คนเดียวนี่” แทคยอนย่นคิ้วเข้าหากัน หันซ้ายแลขวามองไปรอบๆตัว
“อูฮยองเพิ่งจะหัวฟัดหัวเหวี่ยวออกไปตะกี้นี้ มินจุนฮยองก็เลยตามออกไปน่ะ “ หมีชานตอบ
“เวร!!” แทคยอนได้ยินคำตอบเค้าถึงกับนั่งไม่ติดที่ เค้าควรจะตามเด็กแก้มบวมออกไป อธิบายให้เด็กคนนั้นเข้าใจว่า เค้าไม่ได้ทำอะไรกับนิชคุณ เค้าไม่อยากเห็นเด็กคนนั้นเจ็บมากไปกว่าการที่เค้าได้นิชคุณมาครองง่ายๆ
“แทคฮยอง!!..” หมีชานลุกขึ้นก้าวตามไปจับข้อมือรุ่นพี่ของเค้า
“มีอะไร..รึเปล่า” แทคยอนหันมาถามเมื่อมือของรุ่นน้องเค้าคว้าหมับมาที่แขนเค้า
“คืนนี้อากาศเย็น..ฮยองไม่ควรออกไปข้างนอกนะครับ..ฮยองควรจะทำร่างกายให้อบอุ่น...ไม่งั้นเดี๋ยวปอดจะแย่” หมีชานโผลงออกมาโดยไม่ได้ตั้งใจ ใบหน้ารุ่นน้องเครียดขึงบ่งบอกความกังวลใจลึกๆ
“อะไรจะแย่นะ” รุ่นพี่ตัวโตทวนคำพูด เพ่งพินิจใบหน้าของรุ่นน้อง ราวกับว่าเด็กหนุ่มตรงหน้าเค้าล่วงรู้ความลับที่เค้าไม่เคยเผยให้ใครรู้
“ทำไม” แทคยอนถามกลับเสียงเย็น ดวงตาดำขลับแข็งกร้าวขึ้นมาในบัดดล
“อ่ะ..เอ่อ..เออ..หมอ..หมอคนนั้นกำชับกับผมว่าให้ผมดูแลเรื่องสุขภาพของพี่ให้ดีกว่านี้...ผมคิดว่าพี่เพิ่งหายป่วยพี่ไม่ควรออกไปตากอากาศเย็นข้างนอก” หมีชานรีบดึงมือตัวเองกลับ เค้าเกือบจะทำพลาดไปแล้ว เค้าไม่ควรแสดงความห่วงใยออกมาให้มากเกินไป ถ้าหากเค้ายังอยากยืนอยู่ในบ้านนี้ ยืนอยู่ในที่ๆมองเห็นแทคยอนได้ในระยะใกล้
“งั้นเหรอ” แววตาคมกริบอ่อนโยนลงเมื่อได้ฟังคำตอบที่เข้าหู
“เดี๋ยวผมจะออกไปตามให้เอง...ฮยองอยู่ที่บ้านนี่แหละ” หมีชานรีบออกตัว เค้าจัดแจงเก็บหนังสือที่วางบนโซฟา แล้วลุกพรวดพราดกลับ เข้าไปหยิบของในห้องของตน และรีบออกจากบ้านไป
เช้าวันนี้นิชคุณจัดโต๊ะอาหารนอกบ้าน เพราะเค้าวางแผนจัดทำความสะอาดบ้านในวันนี้ซึ่งเค้าไม่มีเรียน
"พ่อแม่คุณจะมา" เสียงกังวานใสเปล่งออกมาขณะที่เพื่อนร่วมบ้านทุกคนล้อมวงกันกินข้าวในตอนเช้าก่อนไปมหาลัย
"พ่อแม่นายจะมาทำไม" เสียงทุ้มขัดขึ้นทันที
"ก็...เเม่อยากเจอแทค" นิชคุณตอบกลับเสียงอ่อย
"จะมาเมื่อไหร่" แทคยอนถามกลับ
"ไม่รู้ แม่ไม่ได้บอก..เพราะงี้เมื่อคืนคุณถึงได้จัดห้อง...ช่วงนี้แทคต้องทำอะไรเป็นระเบียบหน่อยนะ..แม่คุณไม่ชอบให้กองเสื้อผ้าทิ้งไว้ที่พื้น แล้วก็โอ๊ย!! หลายอย่างเลยอะแทค!!" คนตัวขาวตอบเสียงขึ้นจมูก
"นายขอยากไปนะคุณ จะให้เจ้าแมวนอนหวดนี่เก็บของเป็นที่เป็นทางนี่มันยากกว่าทำข้อสอบโทอิกอีก" มินจุนฮยองแสดงความคิดเห็นขณะตักข้าวเข้าปากดื่มดำกับบรรยากาศยามเช้ากับการตั้งสำหรับอาหารนอกบ้าน
"เสียงเอี๊ยดอ๊าด กุกกักๆ เมื่อคืนนี่เสียงจัดห้องเหรอครับ" รุ่นน้องตาตี่เบิกตาโตกว้างเหลือเชื่อกับความเป็นจริง เเหมตัวเค้าก็คิดไปเสียไกล จินตนาการไปต่างๆนาๆ
"จบปัญหาเรื่องจัดของไม่เป็นระเบียบง่ายๆครับ...พวกฮยองควรแยกกันนอนคนละห้อง..คุณฮยองควรกลับไปนอนที่ห้องตัวเองครับ" หมีชานเอ่ยครับแนะนำ
"ทำไมต้องทำแบบนั้น" รุ่นพี่ตัวขาวขมวดคิ้วเมื่อได้ยินคำแนะนำของมักเน่
"มันควรจะทำให้ถูกต้องนะครับ..อย่างน้อยก็ควรอนุญาตพ่อแม่ก่อน" หมีชานตอบกลับน้ำเสียงจริงจัง
"ฮยองไม่ใช่เด็กไม่ใช่ผู้หญิง ไม่มีอะไรเสียหายสักหน่อย" รุ่นพี่ตัวขาวตอบเสียงเครียดอารมณ์คุกรุ่น
"พ่อแม่ฮยองคิดยังไงกับการมีลูกเป็นเกย์" หมีชานถามกลับเสียงเครียด
"ฮยองคุยกับแม่แล้ว..." คนตัวขาวนิ่วหน้าตอบกลับเสียงเครียด เค้าหงุดหงิดก็เพราะเรื่องนี้ ก่อนหน้านี้เค้าตื่นเต้นมากจนไม่ทันได้คิดว่าพ่อแม่จะเห็นด้วยไหม เค้าไม่ได้อยู่ในประเทศที่เปิดกว้างเรื่องทางเพศ ถึงแม่เค้าจะไม่ได้บังคับว่าเค้าจะต้องแต่งงานมีลูก แต่กับคุณพ่อทุกอย่างมันต่างออกไป เค้าพยายามคิดหาคำพูด คำพูดที่จะเปิดใจคุณพ่อของเค้าได้
"แยกกันนอนไปก่อนคุณ...เรื่องนี้แทคคิดว่าชานพูดถูก" แทคยอนที่นั่งเงียบมาสักพักเเสดงความคิดเห็น
"เห็นด้วยกับคำพูดชานเหมือนกัน" อีจุนโฮและมินจุนฮยองแสดงความคิดเห็น เรื่องการแสดงออกทางเพศเป็นเรื่องที่ค่อนข้างอ่อนไหวในประเทศของพวกเค้า พวกเค้ามีความรักที่แตกต่างได้ แต่ต้องไม่ใช่ในที่แจ้ง และต้องไม่ใช่กับคนที่มีหัวคัดค้าน
"แต่พวกนายเป็นคนยุให้ฮยองรับรักแทคนะ" นิชคุณแย้งขึ้นมาเมื่อไม่มีใครเข้าข้าง
"พวกผมสนับสนุนครับ แต่คนอื่นล่ะ คนรอบตัวที่อยู่กับพวกเรา พวกเค้ามีอิทธิพลกับพวกเรานะครับ" ชานชองตอบกลับ
"ที่มหาลัยก็ด้วยนะคุณ...นายเปิดเผยไม่ได้" แทคยอนพูดขึ้น
"ไหนแทคบอกว่า อยากให้คุณเปิดเผย อยากได้คนที่กล้าเดินไปด้วยกันกับแทคได้ไง" นิชคุณตอบเสียงสั่น แฟนหนุ่มเบะหน้า น้ำตาคลอเบ้า
"แทคอยากให้คุณแน่ใจว่าหากเกิดปัญหาแบบนี้ขึ้นแล้ว คุณจะไม่ทิ้งแทค" แทคยอนให้คำตอบ พร้อมโอบไหล่แฟนหนุ่มของเค้าเข้ามาแนบกาย ใบหน้าตอบซบลงบนเส้นผมพริ้วไหวสีน้ำตาลเข้ม
"ไม่เชื่อใจคุณเหรอ..คุณเลือกแล้ว..คุณ.." เสียงใสหม่นหมองลงเพราะเค้าเจ็บปวด อีกครั้งแล้วที่เค้าต้องเผชิญเหน้ากับปัญหาแบบนี้ ใช่เค้าเป็นผู้ชายปกติที่มีความคิดว่าผู้ชายต้องเกิดมาคู่กับผู้หญิง ผู้ชายไม่มีวันได้รักกับผู้ชาย แต่ครั้งนึงในชีวิตวัยเยาว์ก็ต้องมีสักครั้งที่คนเราสับสนเพศของตัวเอง แต่แน่นอนว่า ณตอนนั้นเค้าเลือกที่จะเป็นผู้ชายที่ตอบรับต่อเพศหญิง และลืมไปว่าครั้งหนึ่งเค้าเคยคิดต่างออกไป
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น